ข้อพิจารณาก็คือ 2.1) เมื่อศาลโลกตัดสินไปแล้วด้วยหลักการของกฏหมายปิดปาก ไทยเราก็ยอมรับคำตัดสิน และได้ดำเนินการกำหนดเส้นเขตแดนบริเวณพื้นที่ปัญหาโดยวางแนวลวดหนามขึ้นแล้ว แต่กัมพูชาไม่ได้ทักท้วง ด้วยเหตุนี้ก็เท่ากับกัมพูชาตกอยู่ภายใต้ภาวะกฏหมายปิดปากเหมือนกัน ดังนั้นกัมพูชาก็ไม่ควรเรียกร้องกรณีปัญหาพื้นที่ซ้อนทับแต่อย่างใด 2.2) แต่ถ้าหากกัมพูชายังคงดิ้นรนในเรื่องนี้ ก็ควรที่จะไปนำเอาสนธิสัญญา ค.ศ. 1904 มาเป็นหลัก แล้วก็ดำเนินการในเรื่องการสำรวจเพื่อปักปันเขตแดน (Demarcation) กันขึ้นมาใหม่เสียเลย เช่นนี้ กัมพูชาก็จะไม่ได้ทั้งตัวปราสาทและพื้นที่ทับซ้อน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น